ก็อยากจะฝากข้อคิดไว้ประการหนึ่งนะคะว่า ถ้าหากมีอิสรภาพทางการเงิน ซึ่งหมายถึงว่า การที่มีเงินที่ใช้สอยได้ไม่เดือดร้อนแล้ว ก็ “สามารถเลือกที่ทำในสิ่งที่คุณรัก” แต่ถ้าหากยังมีเงินไม่พอที่จะใช้จ่ายแล้ว “ก็ต้อง (พยายาม) รักในงานที่ทำ”
การจะรักในงานที่ตนเองทำอยู่นั้นอาจจะเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำได้ยาก และเห็นคนวัยหนุ่มสาวในปัจจุบันจะมีความอดทนค่อนข้างต่ำ
พอ รู้สึกไม่พอใจหรือไม่ถูกใจกับงานหรือกับคนร่วมงานก็จะคิดจะลาออก การลาออกไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา เพราะจากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาของตัว เองหรือคนที่รู้จัก ทั้งที่เป็นเพื่อนฝูงและญาติพี่น้อง ก็ได้ยินทุกคนบ่นถึงปัญหาในที่ทำงานของตนเองแทบทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นหน่วย งาน ราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือธุรกิจเอกชน เพียงแต่ปัญหาจะมากจะน้อยเท่านั้น ดังนั้นการย้ายงานจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งก็จะเผชิญกับปัญหาในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง ดังนั้นการที่จะทำใจให้รักกับงานก็คงจะต้องพยายามคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้ (1) ความจำเป็นของรายได้สำหรับ มาเลี้ยงตนเองและสมาชิกในครอบครัว เพราะการมีรายได้สำหรับเลี้ยงตนเองทำให้ ตนเองอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น การจะต้องพึ่งพาคนอื่นที่แม้จะเป็นญาติพี่น้องแล้ว ก็อาจจะเป็นไปได้เพียง ชั่วครั้งชั่วคราวหรือเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น นอกจากพ่อแม่แล้วคนที่จะมารับภาระหรืออุปถัมภ์เราตลอดไปคงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นอย่าด่วนผลุนผลันลาออกจากงาน ควรจะตริตรองดูว่าอะไรคือปัญหาเกิดจากตัวเรา เกิดจากเพื่อนร่วมงานหรือเกิดจากระบบ และวัฒนธรรมขององค์กร และพิจารณาดูว่าเราจะสามารถปรับตัวเราได้หรือเราไม่สามารถปรับเปลี่ยนเจ้า นายหรือเพื่อนร่วมงานได้ ถ้าเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถจะปรับตนเองได้จึงตัดสินว่าขั้นสุดท้ายถึงการลา ออก ก่อนจะลาออกก็ท่องสโลแกนที่เคยฮิตใน ยุคหนึ่งว่า “งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข”
(2) ให้ เห็นคุณค่าของงาน ทั้งนี้งานอาชีพที่สุจริตทุกชนิดล้วนแต่มีคุณค่าของ ตนเองทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นงานระดับล่างเช่น เสมียน ภารโรง หรือพนักงานทำความสะอาด ต่างเป็นกลไกหนึ่งขององค์กร และทำงานในส่วนที่รับผิดชอบให้ดีที่สุดด้วยความขยัน หมั่นเพียร การทำงานที่เท่ากับคนอื่นทำก็จะได้เท่ากับคนอื่น การทำงานจะต้องทำให้มีผลงานที่ดีและในวันหนึ่งก็จะเป็นที่ประจักษ์รับรู้ของ บุคคลอื่น เมื่องานที่เราทำได้รับการยอมรับ (3) มองถึงคนอื่นที่ด้อยกว่าตนเอง เพื่อสร้างกำลังใจในการทำงานต้องคิดดูว่าเราโชคดีที่ยังมีงานทำในขณะที่คน อื่นอีกจำนวนมากกำลังตกงานหรือหางาน การจะมองแต่บุคคลที่อยู่สูงกว่าเราก็อาจจะทำให้หดหู่ท้อถอย ดังนั้นการมองว่าคนอื่นที่ยากลำบากกว่าเรา ก็ยังมีอยู่มาก (4) ทำใจให้รักกับงาน ถ้าคิดว่างานดูน่าเบื่อหน่าย ก็จะทำให้ไม่อยากจะทำงาน ดังนั้นจึงต้องคิดปรับปรุงและพัฒนางานให้ท้าทาย น่าสนใจ ว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ซึ่งถ้าหากทำได้สำเร็จก็จะเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ก้าวข้ามความเบื่อหน่าย จากงานประจำ
หวังว่าคงจะเป็นข้อคิดให้สำหรับคนที่กำลังเซ็งและเบื่อหน่ายกับงานนะ คะ และถ้าหากจะตัดสินใจลาออกจากงานจริงก็เสนอให้ลาพักร้อน เพื่อใช้เวลาสำหรับการไตร่ตรองดูก่อนค่ะ
ที่มา : คอลัมภ์เข็มทิศเงินทุน นสพ.เดลินิวส์ วันเสาร์ ที่ 30 ตุลาคม 2553
Phuketjob2you หางานภูเก็ต